เว็บรวมคาสิโนออนไลน์ XXXBET999 เว็บพนันออนไลน์ดีที่สุด

XXXBET999 NEWS => เทคนิคการเล่นคาสิโน ข่าวสารวงการพนันออนไลน์ => หัวข้อที่ตั้งโดย: ข่าวกีฬาทั่วไทย เมื่อ เม.ย 21, 2022, 04:14 หลังเที่ยง

ชื่อ: แดงไม่ค่อยเดือด! หงส์ถล่มผีราบคาบ!
โดย: ข่าวกีฬาทั่วไทย เมื่อ เม.ย 21, 2022, 04:14 หลังเที่ยง
(https://static.siamsport.co.th/column/2022/04/20/column202204200445386.jpg)

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ขึ้นจ่าฝูงครั้งแรกแบบเดี่ยวๆนับจาก 1 ต.ค. หลังจากชนะแมนฯยูไนเต็ด 4-0 ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นฟุตบอล
หมดจด ...สมบูรณ์แบบ กับชัยชนะครั้งสำคัญของทีมในฤดูกาลนี้

#YNWA Ronaldo

(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1392395109-594x594.jpg)

นาทีที่ 7 แฟนหงส์และแฟนผีร่วมกันปรบมือให้กำลังใจจากการสูญเสียของ คริสเตียโน โรนัลโด...

ครึ่งแรก.....totally dominant

หมายถึงควบคุมเกมได้ทั้งหมด ในความยอดเยี่ยมของครึ่งแรกของลิเวอร์พูลมีอะไรบ้าง

1 ได้ประตูเร็ว

(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1392399816-594x594.jpg)

    บันทึกเอาไว้ว่าประตูแรกของเกมเกิดขึ้นนาทีที่ 4.39 ของ ลุยส์ ดิอาส ซึ่งเร็วกว่าประตูแรกของ เกอิตา ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด 0.03 วินาที....นาทีที่ 4.42 การขึ้นนำเร็วในเกมแบบนี้ทำให้ทุกอย่างผ่อนคลาย

2 ได้เร็วเพราะผีเพรสแดนบน

(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1392406560-594x594.jpg)

    จังหวะนั้นนักเตะแมนฯยูไนเต็ดขึ้นไปเพรสแดนบน เมื่อเด็กหงส์กำลังบิลด์ อัพ ขึ้นมา แต่ไล่ไม่จน โดนแกะออกมาได้บอลถึง มาเน แถวกลางสนาม จังหวะนั้น แฮร์รี แมกไกวร์ ลังเลใจ เพราะต้องทิ้งพื้นที่แนวรับ จะเข้าไม่เข้า คิดช้า แถมยืนห่างอีก เลยทำให้ มาเน พลิกบอลได้ พอหันหน้าเท่านั้น....พื้นที่ใช้สอยโล่งโจ้ง เขาแทงทะลุให้ เทรนต์ กับ ซาลาห์ หลุดเดี่ยว ถึงริมเขตโทษ ก่อนที่จะปาดให้ ดิอาส แปเข้าไปง่ายดาย 1-0

3 แทกติก 3-5-2 ของราล์ฟ

(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1240091078-594x594.jpg)

    ผมคิดว่า ฟิล โจนส์ น่าจะเล่นกลางรับ เชื่อว่า ราฟาแอล วาราน พร้อมเล่น  แต่นัดนี้ รังนิก ส่ง โจนส์ ยืนเป็นปราการหลังตัวกลางโดยมี แมกไกวร์ และ ลินเดอเลิฟ ขนาบข้าง โอเค ใช้เซนเตอร์สาม วิงแบ๊ก ดาโลต์ ทางซ้ายและ วาน บิสซากา ทางขวา เป็นห้ากองหลัง แดนกลางสามคน มาติช, ป๊อกบา และ เอลังกา โดย บรูโน กับ แรชฟอร์ด คือหน้าคู่ในตอนแรก ก่อนที่จะมีการปรับทีมหลังจากโดนนำ 1-0 แล้ว ป๊อกบา เจ็บโดนเปลี่ยนออกถึงได้ถอย บรูโน มายืนกลางกับ มาติช และ เอลังกา โดย ลินการ์ด ที่แทน ป๊อกบา ไปยืนหน้าคู่กับ แรชฟอร์ด

4 ซาลาห์ คืนฟอร์ม

(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1392409530-594x594.jpg)

    รวมเกมนี้ก็ 865  นาที ที่ โม ยุติความฝืดของตัวเองได้ และยิงประตูจากโอเพ่น เพลย์ (ไม่นับจุดโทษ) ได้แล้ว จากจังหวะประสานงานอย่างยอดเยี่ยมกับ มาเน แต่จะว่าไปก่อนบอลถึง มาเน เด็กหงส์ผ่านบอลกัน 8-9 พาส จนถึง มาติป ที่แทงให้ มาเน ตวัดข้ามหัว แมกไกวร์ ถึง ซาลาห์

ความยอดเยี่ยมของเขาคือ...สัมผัสบอลแรกด้วยขวาจังหวะบอลกระดอนพื้นอย่างนิ่มนวลก่อนวิ่งแปง่ายๆสวน เดเคอา เข้าไป 2-0 น.22

ประตูที่ 8 ที่ยิงแมนฯยูฯ เฉพาะซีซั่นนี้ 4 ลูก จากเกมแรกที่โรงละคร "แฮทริก"

5 ผีแดงไม่ได้เล่นบอล30 นาที

(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1240091193-594x594.jpg)

    ใน25 นาทีแรก ลิเวอร์พูลสร้างโอกาสเข้ายิงได้6 ครั้งเข้ากรอบ 2 เป็นสองประตู ส่วนแมนฯยูฯ ไม่สามารถพาบอลมาถึงหน้าเขตโทษลิเวอร์พูลได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ครั้งแรกที่แมนฯยูฯ ได้สัมผัสบอลในเขตโทษ คือจังหวะเตะมุมครั้งแรกของทีมนาทีที่ 33

    แต่ก็ไม่ใช่จังหวะยิง

สถิติครึ่งแรก ลิเวอร์พูล  vs แมนฯยูฯ

    %ครองบอล   76-24

    ผ่านบอล 438-144

    ผ่านบอลแม่น 92%-64%

    สร้างจังหวะยิง 9-0

    เข้ากรอบ 3-0

    เตะมุม  7-1

ครึ่งหลัง ราล์ฟ ปรับเล่น 4-4-2

(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1392404950-594x594.jpg)

    ราล์ฟ รังนิก ปรับรูปแบบมาเล่นแบ๊กโฟร์ เขาถอด ฟิล โจนส์ ออก แล้วส่ง เจดอน ซานโช ลงมาเล่นด้านซ้าย โยก ดาโลต์ กลับไปเล่นแบ็กขวา วานบิสซากา เล่นแบ๊กซ้าย โดยหน้าคู่ แรชฟอร์ด เอลังกา โดย บรูโน, ลินการ์ด, ซานโช ยืนเป็นสามกองกลางหลังหน้าคู่ และ มาติช คือกลางรับยืนหน้ากองหลังสี่คน ถือว่าการปรับแบบนี้ทำให้เริ่มมีความมั่นใจในการเล่น มากขึ้นกว่าครึ่งแรก

ผีเริ่มมั่นใจหงส์แผ่วไปนิด

(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1392403204-594x594.jpg)

    ครึ่งหลังเกมของแมนฯยูฯ ดี้ขึ้นเรื่อยๆ เด็กหงส์เสียบอลง่ายๆ แดนกลางเก็บบอลสองไม่ได้มากเหมือนครึ่งแรกทำให้ แมนฯยูฯ ได้เล่นเกมมากขึ้น และมีโอกาสพาบอลมาแดนสามได้บ้าง แต่ก็ยังหาโอกาสจบไม่ได้ ครั้งแรกที่ยิงคือน.55 จากซานโช ซึ่งเข้ามือ เบคเกอร์ ดูเหมือนเด็กหงส์ จะเสียจังหวะการเล่นของตัวเองจนถึงน.65 แต่ก็ยังดีที่แมนฯยูไนเต็ดไม่ได้สร้างความกดดันอะไรมาก

ดิอาส-มาเน-ซาลาห์ และ 4-0

(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1392396477-594x594.jpg)

    ประตูที่สามเกิดขึ้น น.68 จังหวะที่ เอลังกา เสียบอล แล้วโดน รอบโบ ตัดบอลได้ก่อนแทงให้ ดิอาส หลุดถึงกรอบโทษ แล้วตวัดให้ มาเน ซึ่งดึงจังหวะหลอก แมกไกวร์ ว่าจะพุ่งเข้าไปพื้นที่อันตรายแต่ถอนตัวกลับมาว่างๆ ได้โอกาสตวัดยิงเข้าไป 3-0

    ทั้งสามประตูที่ทำได้เกิดจากการประสานของสามคนนี้

    ประตูแรก ซาลาห์ แอสซิสต์ให้ ดิอาส

    ประตูที่สอง มาเน แอสซิสต์ ให้ ซาลาห์

    ประตูที่สาม ดิอาส แอสซิสต์ ให้มาเน

    ดิอาส, ซาลาห์, มาเน ทั้งสามคนยิง1 จ่าย1

    แถมประตูที่สี่....โชตา ลงมาแอสซิสต์ ให้ซาลาห์

(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1392409612-594x594.jpg)

    บทสรุปเกมนี้....ชัดเจน ฟุตบอล ในการควบคุมของลิเวอร์พูลทั้งหมด

    แมนฯยูไนเต็ด นัดนี้เล่นด้วยความหวังมากกว่า "แทกติก"

    ทุกแดนของสนาม หลัง, กลางและตัวรุก

    การเข้าทำ , การแย่งบอล,�การผ่านบอล

    แมนฯยูไนเต็ด แพ้อย่างราบคาบทั้งสกอร์และรูปเกม

    กลายเป็นศึกแดงไม่ค่อยเดือดไปในเกมล่าสุด

    นั่นรวมทั้งเบ็ดเสร็จสองเกมที่ลิเวอร์พูลชนะ แมนฯยูฯ สองนัด 9-0

    นี่คือชัยชนะที่ต้องการเพื่อขึ้นครองจ่าฝูง ในสภาพที่ แมนฯยูไนเต็ด ไม่พร้อมขาด โรนัลโด และนักเตะกำลังสำคัญหลายคน คงไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือไปได้ ถือว่าสำคัญต่อสถานการณ์ลุ้นแชมป์

    เด็กหงส์ขึ้นครองจ่าฝูงแบบเดี่ยวๆครั้งแรกนับจาก 1 ต.ค.

    พร้อมทั้งโยนความกดดันให้แมนฯซิตี้ ที่จะลงสนามรับมือกับไบรท์ตันแทน