(https://www.siamsport.co.th/static/9edd7f8c-b58b-4683-9d2b-dd7fe83aa049.jpg)
แมนฯ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถูกมองว่ามีโอกาสสร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในซีซั่นนี้
ถึงขณะนี้ เรือใบสีฟ้า แซงหน้า อาร์เซน่อล ขึ้นเป็นจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จแล้ว และมีเกมตุนอยู่ในมือมากกว่า เดอะ กันเนอร์ส ด้วย
ขณะเดียวกัน พวกเขารอคว้าถ้วย เอฟเอคัพ อีกใบโดยมี แมนฯ ยูไนเต็ด แชมป์ คาราบาวคัพ คู่ปรับร่วมเมืองเป็นคู่ต่อกร
แต่ที่สำคัญที่สุด เป็นที่รู้กันดีว่าทีมเงินถังจาก เอติฮัด สเตเดี้ยม กระหายคว้าโทรฟี่ แชมเปี้ยนส์ลีก มากแค่ไหน และเป็นที่เชื่อกันว่าปีนี้จะเป็นปีทองของพวกเขาด้วยแม้จะต้องปะทะกับ เรอัล มาดริด แชมป์เก่าเจ้าพ่อตัวจริงซึ่งเป็นแชมป์รายการนี้ 14 สมัยแล้วก็ตาม
ฉะนั้นแล้ว เกมในวันอังคารนี้ แมนฯ ซิตี้ จะมีโอกาสล้างตา เรอัล มาดริด จากที่เคยพ่ายให้กับทีมลูกหนังของลีกกระทิงดุในรอบเดียวกันนี้เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 12 เดือนก่อน ทีมของ กวาร์ดิโอล่า ได้เล่นในบ้านนัดแรก และกำชัยด้วยสกอร์ 4-3 แต่บุกไปแพ้ 2-1 ที่ เบร์นาเบว จนต้องเล่นกันต่ออีกครึ่งชั่วโมงจากผลเสมอ 5-5 ทั้งๆที่ ริยาด มาห์เรซ ซัดให้ทีมจาก พรีเมียร์ลีก นำหน้าในนาทีที่ 73 ด้วย แต่ โรดรีโก้ ทำแสบเหมากดสองตุงในช่วงทดเวลาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนที่ คาริม เบนเซม่า จะสังหารลูกโทษในช่วงต่อเวลาพิเศษพาเจ้าบ้านซิวชัยด้วยสกอร์ 3-1 ทะลุเข้ารอบชิงไปสยบ ลิเวอร์พูล 1-0 คว้าแชมป์ไปเชยชมอีกสมัยจนได้
อย่างไรก็ดี ในซีซั่นนี้ เรือใบสีฟ้า น่าจะได้เปรียบบ้างเนื่องจากพวกเขาจะออกไปเยือนแชมป์เก่าก่อน แล้วจึงกลับมาเล่นในบ้านสำหรับเกมชี้ชะตานัดสอง
ยิ่งไปกว่านั้น ซีซั่นนี้ แมนฯ ซิตี้ มีอาวุธหนักเพิ่มขึ้นเมื่อได้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดาวซัลโวร่างยักษ์มาร่วมทัพ สวนทางกับ เรอัล มาดริด ที่ซีซั่นนี้มีผลงานที่แกว่งไปแกว่งมาแม้ล่าสุดจะได้แชมป์ โกปา เดล เรย์ มาครองก็ตามจากการเฉือนชนะ โอซาซูน่า 2-1
ต่อโอกาสซิวสามโทรฟี่ในซีซั่นนี้ กวาร์ดิโอล่า เคยเอ่ยกับสื่อหลังพาทีมกำชัยในรอบตัดเชือกถ้วย เอฟเอคัพ ได้สำเร็จว่ายังไม่ขอมองไปไกลขนาดนั้น
"ผมจะบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากเราได้แชมป์ เอฟเอคัพ และ พรีเมียร์ลีก แล้ว" ผู้จัดการทีมสแปนิชเปิดปากกับ บีบีซี
"ก่อนนัดชิงชนะเลิศถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก เราจะเริ่มคิดถึงการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ตอนนี้มันยังไกลเกินไป มีกี่ครั้งที่ประเทศที่น่าทึ่งนี้ได้ทริปเปิ้ลแชมป์? มีกี่ปี? มีกี่ทีม?"
"มีครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อนบ้านของเราทำได้ในรอบกี่ศตวรรษ? ผมตื่นเต้นกับทริปเปิ้ลแชมป์หรือเปล่า? ไม่เลย"
จะอย่างไรก็ตาม เป็นอย่างที่ กวาร์ดิโอล่า เผยว่าก่อนจะคิดการณ์ใหญ่ได้ เรือใบสีฟ้า ต้องก้าวข้ามขวากหนามสำคัญอย่าง เรอัล มาดริด ให้ได้ซะก่อนในสองเกมที่พวกเขาจะห้ำหั่นกันโดยเกมแรกจะอุบัติขึ้นที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว วันอังคารที่ 9 พ.ค. ขณะที่นัดสองที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม จะเล่นกันในวันพุธที่ 17 พ.ค.
ในกรณีที่ เรือใบสีฟ้า คว่ำ ราชันชุดขาว ได้ โอกาสซิวแชมป์หูใหญ่ก็แลดูสดใสไม่หยอกเนื่องจากคู่ชิงชนะเลิศของพวกเขาจะเป็นทีมจาก เซเรียอา ซึ่ง เอซี มิลาน กับ อินเตอร์ มิลาน สองทีมร่วมเมืองจะต้องดวลเกือกกัน
หากไม่นับศึก แชมเปี้ยนส์ลีก แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้มากที่สุดเนื่องจากพวกเขาขึ้นนำเป็นจ่าฝูงแล้ว และเหลือเกมให้ลงสนามอีกสี่นัดกับการมีแต้มมากกว่า เดอะ กันเนอร์ส หนึ่งแต้ม และลงเล่นน้อยกว่าหนึ่งเกม
สำหรับสี่เกมในลีกที่ เรือใบสีฟ้า เหลือคิวลงบู๊ประกอบไปด้วยแมตช์ฟัดกับ เอฟเวอร์ตัน , เชลซี , ไบรท์ตัน และ เบรนท์ฟอร์ด
จากนั้นหลังเสร็จศึกในเกม พรีเมียร์ลีก พวกเขาจะปะทะกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในนัดชิงดำถ้วยน็อกเอาต์
เท่าที่ผ่านมา ผีแดง เป็นทีมเดียวในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลเมืองผู้ดีที่ประกาศศักดาคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้ในซีซั่น 1998/99
ในซีซั่นดังกล่าว ผีแดง คว้าแชมป์ลีกไปครองแบบใจหายใจคว่ำในนัดสุดท้ายด้วยการเฝ้าบ้านเฉือนชนะ สเปอร์ส 2-1 มีแต้มมากกว่า อาร์เซน่อล แค่แต้มเดียวเท่านั้น
ถัดมาในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ ทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซิวดับเบิ้ลแชมป์ได้สำเร็จด้วยการกำชัยเหนือ นิวคาสเซิ่ล 2-0 ที่สนาม เวมบลีย์
และในที่สุด ดราม่าก็บังเกิดเมื่อ ผีแดง ซิวแชมป์หูใหญ่ด้วยการยิงสองประตูในช่วงทดเวลาแซงชนะ บาเยิร์น มิวนิค ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
หลังเสียประตูให้ เสือใต้ ตั้งแต่นาทีที่ 6 จากฝีเท้าของ มาริโอ บาสเลอร์ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็น่าจะอกหักเนื่องจากไม่มีท่าทีว่าจะพลิกสถานการณ์ได้เลย
ถึงกระนั้น ในช่วงทดเวลาสามนาที ทีมจากเมืองผู้ดีสร้างวีรกรรมได้อย่างระบือลือลั่นด้วยการสอยตาข่ายได้สองเม็ดต่อเนื่องโดยมี เท็ดดี้ เชอริ่งแฮม กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นฮีโร่พาทีมคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่สองของสโมสร
สำหรับ เรือใบสีฟ้า พวกเขาจะเดินตามรอยอริร่วมเมืองได้หรือไม่ นี่คือโปรแกรมอีก 8 นัดสุดท้ายที่สามารถเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของสังเวียนแข้ง เอติฮัด สเตเดี้ยม ไปตลอดกาล
9 พ.ค. : เรอัล มาดริด (เยือน) ตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ลีก นัดแรก
14 พ.ค. : เอฟเวอร์ตัน (เยือน) พรีเมียร์ลีก
17 พ.ค. : เรอัล มาดริด (เหย้า) ตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ลีก นัดสอง
21 พ.ค. : เชลซี (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
24 พ.ค. : ไบรท์ตัน (เยือน) พรีเมียร์ลีก
28 พ.ค. : เบรนท์ฟอร์ด (เยือน) พรีเมียร์ลีก
3 มิ.ย. : แมนฯ ยูไนเต็ด (เวมบลีย์) ชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ
10 มิ.ย. : ???? ชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก (อตาเติร์ก โอลิมปิก สเตเดี้ยม , อิสตันบูล)